จู๊ด เบลลิ่งแฮม กับความท้าทายในฤดูกาลใหม่
ไม่มีใครคาดคิดว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม จะกลายเป็นหนึ่งในแข้งผู้นำพาความสำเร็จมาสู่ เรอัล มาดริด ยุคปัจจุบัน หลังจากที่เขาเพิ่งย้ายมาค้าแข้งใน ลา ลีกา 2024 ได้ไม่นาน
นับตั้งแต่เซ็นสัญญากับ ราชันชุดขาว ในลีกแดนกระทิงดุ ด้วยข้อตกลงมูลค่า 88.5 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษก็ยิงได้ 23 ประตูจาก 41 เกม เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในฟุตบอลลีกสเปน โดยยิงได้ 19 ประตู มากกว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อองตวน กรีซมันน์ และ อัลบาโร่ โมราต้า
และหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นี่คือนักเตะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ทั้งที่เขายังไม่ได้โชว์ฝีเท้าด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนย้ายจาก เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ทางสโมสรจัดการอำลาเขาอย่างยิ่งใหญ่ แต่ด้วยวัยที่ยังน้อยทำให้ถูกมองว่า เขายังไม่สมควรได้รับมัน อีกทั้งการย้ายไป ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นทีมใหญ่คนละชั้นกับ เบอร์มิ่งแฮม จึงกลายป็นเหมือนการก้าวกระโดดข้ามขั้นของ จู๊ด นั่นทำให้เขาโดนวิจารณ์ไปต่างๆ นานาทั้งที่ยังไม่ได้ลงเล่น
เขาย้ายมาดอร์ทมุนด์เมื่ออายุ 17 ปี แม้ลงเล่นทีมชุดใหญ่เพียงฤดูกาลแรก แต่นักเตะชาวอังกฤษก็สร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมทีมใหม่ด้วยเทคนิคและสภาพร่างกายของเขา เมื่อเขากลายเป็นนักเตะที่เล่นเกมรุกมากขึ้น และค่าเฉลี่ยในการสร้างสรรค์โอกาสยิงต่อ 90 นาทีก็เพิ่มขึ้น จาก 2.06 ในฤดูกาลแรกในเยอรมนีเป็น 3.35 ในฤดูกาล 2021/22 และสุดท้ายคือ 4.18 ในฤดูกาล 2022/23 ความสามารถของเขาในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าจากแดนกลาง สะท้อนให้เห็นในค่าเฉลี่ยของเขาในการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แน่นอนเสียงวิจารณ์ทำอะไรเขาไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวจัดการโชว์ฟอร์มสุดยอดจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของ เสือเหลือง ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเขาทำแบบเดียวกันที่ มาดริด เขามีค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 0.77 ประตูต่อ 90 นาทีในฤดูกาลนี้ ถือเป็นการพัฒนาอย่างมากจากค่าเฉลี่ยประตูสูงสุดก่อนหน้านี้ของเขากับดอร์ทมุนด์ที่ 0.27 โดยมีค่า expected goal ของเขาต่อ 90 นาทีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.45 เพิ่มขึ้นจาก 0.27 ในซีซั่นสุดท้ายในบุนเดสลีกา ของเขา
ผลงานที่เกิดขึ้นทำให้ จู๊ด ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของลาลีกาในงานประกาศรางวัลที่จัดขึ้นที่ซาร์ดิเนีย นักเตะมาดริดรายนี้ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลแรกกับ ราชันชุดขาว และ 19 ประตูของเขาเป็นหัวหอกในการพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 36 นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาสมควรได้รับรางวัลนี้ โดยผู้ชนะรางวัลนี้จะพิจารณาจากการโหวตของแฟนๆ, กัปตันทีม และคณะผู้เชี่ยวชาญ โดยนักเตะอังกฤษรายนี้มีคะแนนโหวตนำหน้า ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดาด), อวงตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก มาดริด), อาร์เต็ม ดอฟบีค (คิโรน่า), คิเรียน โรดริเกซ (ยูดี ลาส พัลมาส), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาร์เซโลน่า), วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด), อิสโก้ (เรอัล เบติส), อเล็กซ์ การ์เซีย (กิโรน่า ) และ อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ (บียาร์เรอัล) ในการโหวตรอบสุดท้าย
“ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้ ผมขอโทษที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะผมกำลังเตรียมตัวสำหรับแชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ผมอยากจะอุทิศมันให้กับเพื่อนร่วมทีม สตาฟฟ์โค้ช และที่สำคัญที่สุด ขอมอบให้กับแฟนบอลของสโมสรที่ดีที่สุดในโลก เป็นเรื่องน่ายินดีทุกครั้งที่ได้เล่นให้กับทีมชุดนี้” จู๊ด กล่าวหลังจากได้รับรางวัลแข้งยอดเยี่ยม
ภารกิจของเขากับทีมในซีซั่นนี้ยังไม่จบลง เนื่องจากยังมีนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ดอร์ทมุนด์ รออยู่ ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจคือการลงเล่นในซีซั่นหน้า ยังมีเครื่องหมายคำถามว่า เขาจะยังคงรักษามาตรฐานได้ดีหรือไม่
ฤดูกาลหน้าคาดว่า มาดริด จะได้เกมรุกชั้นนำอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มาเสริมทัพ รวมถึง เอ็นดริค เด็กระเบิดทีมชาติบราซิล ที่ต้องบอกว่า มันทำให้พวกเขาน่ากลัวขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องรอลุ้นว่า ขุมกำลังที่มีจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวหรือไม่ อีกทั้งการแขวนสตั๊ดของ โทนี่ โครส จะเปลี่ยนรูปโฉมการเล่นของ มาดริด ที่อาจจะกระทบต่อการเล่นของ จู๊ด หรือไม่ นี่คือความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งกับ จู๊ด และ มาดริด และสำหรับแฟนๆ ที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ ลา ลีกา 2024 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ลา ลีกา 2024 ผลการแข่งขัน สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน