แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS เชลซี
การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 26 ประจำฤดูกล 2018/19 คู่ระหว่าง เรือใบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมอันดับ 4 ของตารางคะแนน โดยเกมนี้ทำการแข่งขันกันที่สนาม ซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม รังเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นเจ้าบ้านที่โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมยิงไม่ยั้งอัด เชลซี ไปถึง 6-0 จากรายงานของ sbobet
เจ้าบ้าน เป๊ป กวาดิโอลาร์ ขยับเอา โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กลางดาวรุ่งถอยไปยืนแบ็คซ้าย โดยมี 3 ประสานเกมรุกอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แบร์นาโด ซิลวา นำทัพ
ทางฝั่งผู้มาเยือนจากลอนดอน โดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแต้มขึ้นไปอยู่ที่ 4 แทน มาวันนี้เมาริซิโอ ซาร์รี ส่งรอส บาร์คลีย์ ปั้นเกมตรงกลางร่วมกับ เอ็นโกโล ก็องเต้ และจอร์จินโญ ส่วน 3 ขุมกำลังแดนหน้าวาง กอนซาโล อิกวาอิน หน้าเป้า โดยมีเอเด็น อาซาร์ และ เปโดร โรดริเกวซ ขนาบข้าง ข้อมูลจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2018 อัตราต่อรอง
จังหวะสำคัญของเกม
เริ่มเกมแค่ 4 นาที จากจังหวะเล่นฟรีคิกเร็วของเควิน เดอ บรอยน์ หลังจากที่โดนจอร์จินโญตัดฟาวล์ จ่ายให้แบร์นาโด ซิลวายืนโล่งๆทางฝั่งขวา ก่อนจะผ่านเข้ามาในเขตโทษ และเป็นราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมากดเน้นๆเข้าไปไม่เหลือ แมนฯซิตี้นำ 1-0
อีก 3 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นหวิดได้ประตูที่สอง เมื่อแบร์นาโด ซิลวาพาบอลวนในเขตโทษเชลซี และพลิกหาจังหวะเปิดตัดหน้าปากประตู บอลไหลมาเข้าเท้ากุน อเกวโร ทว่ากลับแปโล่งๆหลุดเสาหน้าตาเฉย
สกอร์ไหลเป็น 2-0 ในนาทีที่ 13 เมื่อโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ผ่านบอลสั้นให้กุน อเกวโร ได้มีพื้นที่จากนอกเขต ก่อนตัดสินใจซัดด้วยความมั่นใจ แม้เกป้าจะพุ่งสุดตัวปัดโดนบอล ทว่าทิศทางลูกพุ่งตุงตาข่าย
นาทีที่ 19 จากความผิดพลาดของรอส บาร์คลีย์ โหม่งคืนหลังพลาด จากจังหวะบุกป้วนเปี้ยนหน้าโกลของซิตี้ บอลตกข้ามกองหลังเชลซีมาเข้าทางกุน อเกวโร ยิงโล่งๆเข้าไป แมนฯซิตี้นำ 3-0
นาทีที่ 25 เกมรุกเจ้าถิ่นยังดุดันต่อเนื่อง คราวนี้เป็นจังหวะสกัดบอลของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ไปเข้าทางปืน อิลคาย กุนโดกัน ยิงจากนอกกรอบโทษชนิดที่เกป้าหมดสิทธิ์ป้องกัน เรือใบสีฟ้าหนีห่าง 4-0
แม้ช่วงที่เหลือใน 45 นาทีแรก เชลซีจะได้ลองทำเกมรุกใส่บ้าง แต่ยังไม่เฉียบคมเหมือนเจ้าบ้าน โดยเฉพาะนาทีที่ 38 ที่กอนซาโล อิกวาอิน ได้ฮาล์ฟวอลเลย์นอกกรอบ ทว่าเอแดร์สัน บินปัดได้สวย
เปิดครึ่งหลังนาทีที่ 50 กุน อเกวโร หวิดทำประตูที่ 5 ของเจ้าบ้าน เมื่อเขาได้โอกาสโขกเต็มศีรษะ จากการเปิดของเควิน เดอ บรอยน์ แต่บอลดันไปชนคาน
นาทีที่ 56 เซซาร์ อัธปิลิกวยต้า ตัดฟาวล์ราฮีม สเตอร์ลิง ในเขตโทษ ผู้ตัดสินไมค์ ดีน เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ ซึ่งคนที่รับหน้าที่สังหารเป็นกุน อเกวโร ทำให้หอกอาร์เจนไตน์ทำแฮตทริคได้ในเกมนี้ และเป็นแฮตทริคที่สองจากสถิติลงสนามรอบสามนัดของเจ้าตัว
นาทีที่ 74 กาเบรียล เชซุส สำรองที่ลงมาแทน กุน อเกวโร มีโอกาสพาบอลเข้ากรอบโทษด้านซ้าย ก่อนหาโอกาสซัดหวังให้ลูกเข้าเสาไกล แต่เกป้าดักทางล้มตัวปัดได้สวย
3 นาทีต่อมา เชลซีมีลุ้นจากลูกฟรีคิกแถวหัวกระโหลก แต่เอเมอร์สัน ที่ลงมายืนแบ็คซ้ายแทนมาร์กอส อลอนโซ่ ปั่นบอลข้ามกำแพงไปเข้าซองเอแดร์สัน
สกอร์ที่ 6 ในเกมนี้เกิดขึ้นจากฝั่งเจ้าถิ่น ในนาทีที่ 80 เมื่อราฮีม สเตอร์ลิง ซัดโล่งๆในกรอบโทษระยะ 6 หลา จากการเปิดเข้าในของโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
เวลาที่เหลือเชลซีก็ยังไม่สามารถเจาะตาข่ายแมนฯ ซิตี้ได้เกมนี้ หมด 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม รัวเชลซีไม่ยั้ง 6-0 กลับไปยึดอันดับ 1 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเหมือนเดิม แม้แต้มจะเท่าลิเวอร์พูลที่ 65 แต่ทีมของเป๊ปมีผลประตูได้เสียมากกว่าที่ 54 (หงส์แดง 44) ขณะที่เชลซีหล่นไปอยู่ที่ 6 ของตาราง เนื่องจากเฮดทูเฮดแพ้อาร์เซนอลที่ 3-4 รายงานจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2018 ข่าวฟุตบอล
สถิติสำคัญ
สถิติหลังเกม เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสยิงประตู 15 ครั้ง เข้ากรอบ 9 ครั้ง ทำได้ถึง 6 ประตู และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 56 เปอร์เซ็นต์ ทางฝั่ง เชลซี มีโอกาสยิงประตู 12 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 44 เปอร์เซนต์
สรุปผลงาน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดปลื้มลูกทีมรัวใส่เชลซีถึง 6-0 พร้อมลั่นไล่บี้แย่งแชมป์จนถึงที่สุด
“นี่คือสัปดาห์ที่น่าทึ่ง และเป็นเกมที่น่าทึ่ง เราโชคดีที่ได้ 3 ประตูจากโอกาส 4 ครั้งแรก และหลังจากสกอร์นำ 3-0 พวกเขาเริ่มเล่นได้ดีกว่าเรา ทว่าพอสกอร์เป็น 5-0 มันก็ไม่ง่ายสำหรับพวกเขาแล้ว”
“การยิงเชลซีได้ 3 ประตูเป็นเรื่องของการมีสมาธิในเกมของเรา เราทำได้ และเราต้องยกย่องนักเตะ จริงๆ แล้ว เชลซีเล่นได้ดี ด้วยเหตุนี้ผมจึงพอใจมากหลังจากเราเล่นกับอาร์เซน่อล กับ เอฟเวอร์ตัน เพราะเรามีเวลาพักน้อย”
นอกจากนี้ กุนซือเรือใบยังกล่าวถึงการลุ้นแชมป์ว่า “เราเป็นจ่าฝูง เราต้องรอดูผลของลิเวอร์พูลที่ต้องไปเล่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (24 ก.พ.) หากพวกเขาชนะ พวกเขาจะเป็นจ่าฝูง และเราต้องไล่ตาม แต่ผมภูมิใจ ยังเหลืออีก 11 นัด และเราจะพยายามป้องกันแชมป์อย่างถึงที่สุด”
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน